“เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น” วุ่น หลังไซเรนเตือนภัยจรวดเกาหลีเหนือ
เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศที่เกิดขึ้นได้ยาก ดังขึ้นทั่วกรุงโซลเมื่อเวลา 06.32 น.ตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลีใต้ โดยเสียงไซเรนดังขึ้น พร้อมกับข้อความแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินจากทางการกรุงโซลที่ส่งไปยังผู้ที่พักอาศัยให้เตรียมพร้อมสำหรับการอพยพ
ต่อมากระทรวงมหาดไทยและความปลอดภัยของเกาหลีใต้ประกาศยกเลิกข้อความแจ้งเตือนของทางการกรุงโซลพร้อมออกมาชี้แจงในอีกอย่างน้อย 10 นาทีต่อมาว่า การแจ้งเตือนดังกล่าว เป็นการแจ้งเตือนภัยที่ผิดพลาด
ล้มเหลว! เกาหลีเหนือส่งดาวเทียมสอดแนมขึ้นสู่อวกาศไม่สำเร็จ
เกาหลีเหนือเตรียมปล่อยดาวเทียมสอดแนมภายใน 2 สัปดาห์
แม้ผู้พักอาศัยในกรุงโซลจะเคยชินอยู่ภายใต้การคุกคามจากเกาหลีเหนือ แต่การแจ้งเตือนข้อความที่ผิดพลาดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนบางส่วนรู้สึกสับสน บางคนก็รู้สึกกังวล เพราะข้อความของทางการไม่มีคำแนะนำในการปฏิบัติตัวให้กับผู้พักอาศัยไว้รับมือต่อเหตุฉุกเฉินแต่อย่างใด
ขณะที่ โอ เซฮุน นายกเทศมนตรีกรุงโซลได้ออกมาแถลงขอโทษต่อการแจ้งเตือนที่สับสน แต่เขายังคงยืนกรานว่า การแจ้งเตือนดังกล่าวไม่ใช่
ความผิดพลาด เพราะเจ้าหน้าที่ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนตามที่ได้พิจารณาแล้วว่า จำเป็นต้องดำเนินการโดยทันที เนื่องจากครั้งนี้เกาหลีเหนือได้ยิงจรวดลงมาทางตอนใต้ ซึ่งต่างจากที่ผ่านมา ที่ยิงไปทางทะเลตะวันออก
ส่วนญี่ปุ่นก็เผชิญกับความปั่นป่วนจากการยิงปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนือเช่นเดียวกัน โดยบรรยากาศบนเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น มีเสียงไซเรนแจ้งเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นทั่วเกาะ
ขณะที่ทางการส่งข้อความแจ้งเตือนให้ประชาชนรีบหาที่หลบภัยผ่านระบบ J-Alert ( เจ อะเลิร์ต) ซึ่งจะปรากฏบนโทรทัศน์ทุกช่อง รวมถึงลำโพงกระจายเสียงตามชุมชน และโทรศัพท์มือถือทุกเครื่อง ก่อนจะมีการยกเลิกการแจ้งเตือนภัยในเวลาต่อมา โดยระบุว่า จรวดไม่ได้รุกล้ำน่านฟ้าของญี่ปุ่น
ชาวญี่ปุ่นเล่าว่า ตอนเกิดเหตุนึกว่าเป็นแผ่นดินไหว แต่สุดท้ายได้ตรวจสอบข้อความแจ้งเตือนจากโทรศัพท์พบว่าเป็นจรวด
หลังจากทางการญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ตรวจพบการยิงจรวดของเกาหลีเหนือเพื่อส่งดาวเทียมสอดแนมทางทหารขึ้นสู่วงโคจรเพียงไม่นาน ก็พบว่าจรวดลำดังกล่าวได้หายไปจากจอเรดาร์ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจรวดอาจจะแตกกลางอากาศ หรือร่วงตกทะเล
ต่อมากองทัพเกาหลีใต้ได้แสดงหลักฐานเศษซาก ที่เชื่อว่า เป็นชิ้นส่วนของจรวดเกาหลีเหนือที่ตกในทะเล หลังจากเก็บกู้ขึ้นมาได้เมื่อช่วงเช้า
ภาพของเศษซาก ที่กองทัพเกาหลีใต้เชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนของจรวดของเกาหลีเหนือที่พวกเขาเก็บกู้มาได้ เสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้แถลงการณ์ว่า กองทัพเกาหลีใต้พบซากดังกล่าวใกล้กับเกาะอีชอง (Eocheong) ไปทางตะวันตกราว 200 กิโลเมตร
เมื่อเวลาประมาณ 08.00 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น และกำลังอยู่ในระหว่างเก็บกู้ซากเพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อไป นอกจากนี้กองทัพเกาหลีใต้ยังย้ำด้วยว่า พวกเขาได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ต่อการยั่วยุใดๆ ก็ตามที่มาจากเกาหลีเหนือ รวมถึงการยิงจรวดขึ้นสู่อวกาศอีกรอบคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ต่อมาสำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) รายงานยืนยันว่า จรวดส่งดาวเทียม ชอลลีมา-1 ประสบความล้มเหลวในการปฏิบัติภารกิจ เนื่องจากเครื่องยนต์และระบบเชื้อเพลิงไม่เสถียร ทำให้จรวดขั้นที่สอง ทำงานผิดปกติ ส่งผลทำให้เครื่องส่งกำลัง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่บรรทุกขึ้นไปกับจรวดตกลงในทะเล นอกจากนี้เกาหลีเหนือระบุว่า เจ้าหน้าที่จะวิเคราะห์สาเหตุของความผิดปกติดังกล่าว และจะทำการทดลองยิงจรวดอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
ความพยายามครั้งที่ 6 ของเกาหลีเหนือที่จะส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 ภายใต้ความพยายามที่จะส่งดาวเทียมสอดแนมทางทหารขึ้นสู่อวกาศ แม้ว่าจะล้มเหลวและถูกประณามจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รวมถึงสหรัฐฯ และชาติตะวันตก
แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศเชื่อว่า เกาหลีเหนือจะยังคงยืนหยัดในหนทางของตัวเองที่จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ
เอเลนอร์ ชิโอริ ฮิวจ์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศ เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า แม้ภารกิจปล่อยจรวดของเกาหลีเหนือจะล้มเหลว
แต่เธอมองว่าความพยายามของเกาหลีเหนือแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างศักยภาพของตัวเองอย่างไม่ย่อท้อ และสิ่งนี้สื่อให้เห็นการฝึกฝนขีดความสามารถของพวกเขาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ไปถึงบรรลุเป้าหมายของตัวเอง
นอกจากความตึงเครียดที่คาบสมุทรเกาหลีแล้ว อีกหนึ่งจุดร้อนในเอเชียที่เกือบจะเกิดเป็นเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ คือที่ทะเลจีนใต้ เมื่อวานนี้ สหรัฐฯ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่ปรากฏภาพของเครื่องบินขับไล่ของจีนบินตัดหน้าเครื่องบินสหรัฐฯ ขณะที่กำลังลาดตระเวนในพื้นที่ทะเลจีนใต้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดมากอยู่แล้วระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งประเด็นไต้หวันและบอลลูนสอดแนมจีน ซึ่งถูกกองทัพสหรัฐฯ ยิงตกไปก่อนหน้านี้
ภาพวินาทีเครื่องบินขับไล่ของจีนกำลังบินตัดหน้าเครื่องบินลาดตระเวนของสหรัฐฯ ขณะกำลังลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ จากนั้นเครื่องบินของสหรัฐฯเกิดการสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เครื่องบินของจีนจะบินหายไปจากขอบฟ้า
ทั้งนี้คลิปวิดีโอนี้เผยแพร่โดยกองบัญชาการประจำภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก(INDOPACOM) ของกองทัพสหรัฐฯ พร้อมกับแถลงการณ์ที่มีรายละเอียดว่า นักบินของเครื่องบินขับไล่ F-16 ของจีนได้ขับเครื่องบินแบบยั่วยุก้าวร้าวโดยไม่จำเป็น โดยการบินโฉบด้านหน้าเครื่องบิน RC-135 ของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยเครื่องบินขับไล่ของจีนได้บินผ่านหน้า ห่างจากจมูกเครื่องบินของสหรัฐฯในรัศมีเพียง 400 ฟุต ส่งผลให้เครื่องบินสหรัฐฯ สั่นไหว เนื่องจากต้องบินฝ่ากระแสลมวน หลังจากเครื่องบินลำดังกล่าวบินผ่าน
อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงการณ์ของกองทัพสหรัฐฯ ยืนยันว่า เครื่องบิน RC-135 ของตนเองกำลังปฏิบัติการอย่างปลอดภัย และเป็นการปฏิบัติภารกิจตามปกติเหนือทะเลจีนใต้ในน่านฟ้าสากล ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศนอกจากนี้แถลงการณ์ยังย้ำด้วยว่า สหรัฐฯ จะยังคงส่งเครื่องบินและเรือลาดตระเวนด้วยความปลอดภัย และมีความรับผิดชอบในทุกๆ พื้นที่ที่อยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และกองบัญชาการประจำภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ จะยังคงบินปฏิบัติภารกิจในน่านฟ้าสากล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเรือและอากาศยานทุกลำภายใต้กฏหมายระหว่างประเทศ และคาดหวังว่าทุกประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกจะปฏิบัติตามกฏหมายในการใช้น่านฟ้าสากลด้วย
ทั้งนี้แถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาเพียง 1 วัน หลังจากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือเพนตากอนเปิดเผยว่า รัฐบาลปักกิ่งได้ปฏิเสธคำเชิญพบปะหารือกับฝ่ายสหรัฐฯ ที่สิงคโปร์ ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ แต่ได้ยืนยันว่าการออกแถลงการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่จีนปฏิเสธคำเชิญ